วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ถนนนิมมานเหมินทร์ ที่สุดของคนชอบกิน ช๊อป เที่ยว !!

Nimman Hip Street


ถนนที่ฮิปที่สุดของเมืองเชียงใหม่ ถ้าอยากมาอัพเดทความทันสมัยของเชียงใหม่ต้องมาที่นี่ถนนนิมมานเหมินทร์ แต่ละร้านเก๋ด้วยการตกแต่งที่ใส่ไอเดียกันอย่างเต็มที่ ถนนสายการค้า และถนนสายบันเทิง รวมถึงบรรยากาศที่หลากหลาย ภาพคอนโดมิเนียม อาคารที่พักอาศัยใหม่ ๆ ตามซอกซอย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บันเทิงนานาชาติ ร้านกาแฟ ทะลักล้น ซอย 9 ร้านหนังสือ ร้านเฟอร์นิเจอร์หรือร้านแกลอรี่ที่รวบรวมงานอาร์ตจากคนรักศิลปะ ถือเป็นถนนที่มีสีสีนแต่ละร้านน่ารักน่านั่งและน่าแวะชมทั้งนั้น
จากอดีตกว่า 50 ปีจนถึงปัจจุบันถนนนิมมานเหมินทร์ได้เจริญเติบโตเป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่ง รวมของสินค้าและบริการ รวมถึงร้านอาหาร เครื่องดื่ม และบรรยากาศดีๆ และโดยเฉพาะถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย1 ที่เปรียบเสมือนตัวแทน ของถนนนิมมานเหมินทร์ทั้งสายที่ยังคงเอกลักษณ์ของผู้คน และศิลปวัฒนธรรมของชาวล้านนาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

ถนนนิมมานเหมินทร์เกิดขึ้นโดยการอุปการะบริจากที่ทำกินของตระกูลนิมมานเหมินทร์ ของนายกี และ นางกิมฮ้อ นิมมานเหมินทร์ โดยมีจุด ประสงค์เพื่อเชื่อมถนนสุเทพและถนนห้วยแก้วเข้าด้วยกัน ถนนสายใหม่จากการบริจาคที่ทำกินในครั้งนั้นจึงมีชื่อว่า “ถนนนิมมานเหมินทร์” เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลนิมมานเหมินทร์..

ถนนนิมมานเหมินทร์ ตั้งอยู่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ หากจะเปรียบแล้ว ถนนนิมมานเหมินทร์ก็คงคล้ายกับถนนสุขุมวิทของกรุงเทพฯ แม้ความยาวและขนาดของธุรกิจจะสู้กันไม่ได้ แต่เปอร์เซ็นต์ความหรูหราของถนนและร้านค้ามีระดับที่มีอยู่อย่างมากมายก็มิได้ต่างกันเลย
อะไรที่ทำให้ถนนซึ่งมีความยาวเพียงกิโลเมตรกว่า ๆ นี้เป็นที่กล่าวขวัญถึงเสมอเมื่อใครสักคนมาเยือนเชียงใหม่ ถึงขนาดว่าถ้าไม่ได้มาเดินช็อปปิ้งบนถนนเส้นนี้ ก็เหมือนว่าจะขาดอะไรไปสักอย่างที่จะทำให้การท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ไม่สมบูรณ์
การเดินเริ่มต้นที่นิมมานเหมินท์ซอย 1 อันเป็นเสมือนตัวแทนของถนนทั้งสายเนื่องจากเต็มไปด้วยร้านระดับเกรดเอ ที่มีการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นแกลลอรี่ อาทิ ร้านกองดี แกลลอรี่ หรือร้านขายของตกแต่งบ้านที่มีสินค้าหลากหลายประเภทมากที่สุดของเชียงใหม่ อาทิ ร้านไม้มุงเงิน สุริยันจันทรา ร้านจำหน่ายเทียนหอมอย่างร้านแมวใจดี ไปจนถึงร้านผ้าฝ้ายทอมือที่มีเนื้องานเต็มไปด้วยชีวิตชีวาราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักหลายหมื่น ถนนนิมมานเหมินทร์เปิดทุกวันตั้งแต่เวลาเที่ยงไปจนถึงช่วงเย็น

ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 1 การเดินเริ่มต้นที่นิมมานเหมินท์ซอย 1 อันเป็นเสมือนตัวแทนของถนนทั้งสายเนื่องจากเต็มไปด้วยร้านระดับเกรดเอ ที่มีการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นแกลลอรี่ อาทิ ร้านกองดี แกลลอรี่ หรือร้านขายของตกแต่งบ้านที่มีสินค้าหลากหลายประเภทมากที่สุดของเชียงใหม่ งานศิลปะ การออกแบบ การอวดโฉมของสถาปัตย์ที่น่าหลงไหล ก็มีงานประจำปีคือ Nimmanhaemin Art & Design Promenadeรายละเอียดของ ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 1 มีทุกร้านให้เลือกชม

ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 9 ถนนสายกาแฟ Nimmanhaemin soi 9 Coffee Street ซอยนี้และโดยรอบจะเต็มไปด้วยร้านกาแฟชื่อดังทั้งในท้องถิ่น ในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟวาวี ร้าน 94 คอฟฟี่ ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ด้านหน้าซอยมี ร้านแบล็คแคนยอน ร้านมนต์นมสด ร้านโตและสด เลยไปหน่อยจะมีร้านกาแฟดอยช้าง maze cafe' คาเฟ่ดอยตุง (ร้านนี้อยู่ต้นถนน) และอีกมากที่กำจะเปิดตามมา มีทั้งเด็กฮิปฮิป วัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน นักท่องเที่ยวทั้งคนไทย ต่างชาติ ที่อาศัยร้านกาแฟในการนัดหมาย เล่นเน็ต พูดคุย พักผ่อน อ่านหนังสือ ชิมกาแฟหลากหลายรส โดยเฉพาะคนรักกาแฟที่มีโอกาสเลือกร้านกาแฟได้หลากหลาย


ถนนสาย เบเกอรี่ & ไอศครีม
ถนนสายไอศครีม ถนนนิมมานเหมินทร์มีร้านไอศครีมอร่อยๆให้เลือกมามาย

 Mont Blanc มองบลังค์ เจ้าของร้านไปเรียนทำขนมไกลถึงญี่ปุ่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ขนมของที่นี่จะมีหน้าตาสีสันน่ากิน ทั้งวิธีการทำและรสชาติเป็นสไตล์ญี่ปุ่น นอกจากเบเกอรี่แล้วยังมีไอศกรีมโฮมเมดให้เลือกอีกหลายรส รวมทั้งกาแฟและเครื่องดื่มอีกหลายชนิด ในบรรยากาศร้านที่นั่งสบาย ๆ จึงทำให้ขายดีจนขยายสาขาอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน รู้อย่างนี้แล้วถ้าใครมีโอกาสไปเชียงใหม่ต้องแวะไป ใครอยากซื้อเค้กหรือคุกกี้เป็นของฝากละก้อเค้ามีบริการใส่กล่องน่ารักๆ ด้วยนะ อยู่ปากซอยนิมมานเหมินทร์ ซอย 7
ไอศกรีมกดกริ่ง ร้าน Home Fresh Ice-cream ที่นิมมานเหมินทร์ซอย 5 ปิ๊งป่อง ...."สวัสดีค่ะรับไอศกรีมรสอะไรดีคะ" คำทักทายจากร้านไอศกรีมไทยโฮมเมดซึ่งไม่มีที่ให้นั่งกิน ทว่าแค่กดกริ่งเท่านั้น คุณก็จะได้ลิ้มลองรสหวานมันของไอศกรีมแสนอร่อยราคากันเอง
Mars Ice มี Mango Delight , Shaking Mars ใส่ Topping 1 อย่าง 45 บาท ใส่ Topping 2 อย่าง 59 บาท ร้านอยู่ที่โครงการ tall teak นิมมานเหมินทร์ ซอย 9
Ice Monster อันนี้เหมือนน้ำแข็งใสมากกว่าไอศครีม ร้านอยู่ที่นิมมานเหมินทร์ ซอย 9
ไอเบอรี่ iberryร้านไอติมของพี่โน๊ต อุดม แต้พานิชเค้า นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 ตามป้ายมิกกี้สีเหลืองเข้าไปเรื่อย ๆ จะเข้าทางถนนศริมังคลาจารย์ หรือ ฝั่งถนน นิมมานเหมินทร์ ก็ได้ เห็น Dom Dog สีเหลืองตัวใหญ่นั่นล่ะ iberry
หอมปากหอมคอ conceptของร้านนี้คือ "Heart Made Patisserieร้านขนมทำด้วยใจ"เจ้าของร้านบอกว่า คนอื่นเค้าเป็น home made, hand made ส่วนหอมปากหอมคอนี้เป็น heart made  ทำขนมเองที่บ้านมาที่ร้านก็มีหนุ่ม(รู้ใจ)เป็นผู้ช่วยอีกคนแค่นั้นร้านอยู่นิมมานเหมินทร์ซอย1 http://www.heartmadepatisserie.com
    เสื้อผ้า & เครื่องประดับ in trend ถนนนิมมานเหมินทร์มีร้านเสือผ้า & เครื่องประดับ ให้เลือกมามาย เช่น MiWa กระเป๋ารองเท้าที่ Import มาจากเกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา สวยๆทั้งนั้น คุณแหม่มเจ้าของร้าน ที่จะคอยดุแลและให้คำแนะนำเหมือนเป็นดีไซน์เนอร์ประจำตัวเลย ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการจิราวาสะ ซอยนิมมานเหมินทร์ ซอย 13 ร้านของน้องฝ้าย ชื่่อร้านว่า Mignone อยู่ในโครงการ JIRA&WASA นิมมานเหมินทร์ ซ.13 สาวๆคนไหนชอบแฟชั่นใหม่ๆ ก็แวะไปดูได้เลย นอกจากนี้ ยังมีอีกมามายหลายร้าน มีทุกซอยเลยก็ว่าได้
    แผนที่ ถนนนิมานเหมินทร์
     

บรรยากาศถนนนิมมานเหมินทร์



สถานที่ : เชียงใหม่
วันและเวลาทำการ :วันจันทร์ - วันอาทิตย์ 
                        เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 17.00 น.

กิจกรรม
- ถ่ายรูป
- ซื้อของ
- ดื่มกาแฟ ทานเบเกอรี่ และไอศครีม



 
การเดินทางไปถนนนิมมานห์เหมินทร์
โดยรถส่วนตัว
  ถนนนิมมานเหมินทร์ ตั้งอยู่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่
- จากตัวเมืองเชียงใหม่ มาตามถนนห้วยแก้ว ผ่านกาดสวนแก้ว ถึงสี่แยกรินคำ ให้เลี้ยวขวาก็จะถึงถนนนิมมานเหมินทร์
- จากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่านประตูสวนดอกเข้าถนนสุเทพ เมื่อถึงสามแยกสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ให้เลี้ยวขวาก็จะถึงถนนนิมมานเหมินทร์

 การเดินทางโดยรถประจำทาง
โบกรถสองแถวแดง ได้จากทุกที่ในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถรับจ้างไม่ประจำทาง บอกคนขับว่า ต้องการไปถนนนิมมานเหมินทร์ รับรองว่าไม่มีทางหลงแน่นอน ค่ารถประมาณ 20 บาท

ร้านอาหารเมมโมไรซ์@นิมมาน เชียงใหม่ (Memorize@Nimman, Chiang Mai) บอกได้เลยว่าต้องไป _!!

ที่ตั้ง : 32 ซอย 12 ถ.นิมมานเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
เบอร์โทรศัพท์ : 053-400746,085-8652323
อีเมล์ : contact@memorizenimman.com
เว็บไซต์ : http://www.memorizenimman.com/
เปิดบริการ : 12.00 น. – 24.00 น
ราคาต่อคน(โดยประมาณ) : 65 บาท (บุฟเฟ่ต์)
ส่วนลด : Free Member Card
แผนที่ :



ร้านอาหารน่ารักสะดุดตาบนย่านถนนนิมมานเหมิทร์ เชียงใหม่ ที่จะทำให้ท่านมีความทรงจำที่สวยงามและนานเท่านานเมื่อมาเยือน ร้านนี้ชื่อว่า “เมมโมไรซ์@นิมมาน”ร้านอาหารสไตล์สบายๆ และอบอุ่นทุกครั้งที่สัมผัส
ร้านอาหารร้านนี้เปิดมาได้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2552 พี่หมวย(เจ้าของร้าน)ได้สร้างสรรค์ร้านนี้ให้เป็นร้านที่ลูกค้าทุกท่านที่ เข้ามา”รับประทานอาหารที่อร่อยและมีความทรงจำกลับไป” การตกแต่งร้านได้ออก แบบให้ดูน่ารักอบอุ่น สบายๆ สำหรับสไตล์อาหารของร้านมีทั้งแบบอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น และอาหารนานาชาติ มีเมนูหลากหลายให้ท่านได้เข้ามาลิ้มลองรสชาติกัน
เมนูแนะนำที่ ร้านเมมโมไรซ์ @นิมมาน ขอแนะนำ
-กระทงทอง
-มาซาโกะแฮมเบิร์ก
-ซี่โครงหมูทอดกระเทียม

มาค่ะขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสกับร้าน เมมโมไรซ์ @นิมมาน ที่จะทำให้ท่านติดใจและมีความทรงจำที่มิรู้ลืมกับอาหารร้านนี้ ส่วนฉันได้ไปสัมผัสถึงบบรยากาศและรสชาติของอาหารที่บอกได้ต่อๆกันเลยว่าอร่อยมากและบรรยากาศที่แสนออบอุ่น ^^"




เมนูพิเศษประจำเดือนตุลาคม - ไก่ทอดชีสซอส .. ไก่ชุบแป้งทอดสูตรพิเศษ ราดด้วยชีสซอส 3 ชนิดและมายองเนส เสิร์ฟร้อนๆพร้อมกับใบคะน้าหั่นฝอยทอดกรอบ ..




เมนูพิเศษประจำเดือนพฤศจิกายน - ชีสสติ๊ก .. Mossala Cheese ห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ เสิร์ฟร้อนๆพร้อมกับ Tartar Sauce สูตรเด็ดของทางร้าน ทานเคียงด้วย Corn Salad ..
***ท่านที่ชื่นชอบชีสเป็นพิเศษเมนูพิเศษประจำเดือนพฤศจิกายนไม่ควรพลาดกับชีสยืดๆ

เมนูพิเศษประจำเดือน"ธันวาคม" ส่งท้ายเดือนสุดท้ายแห่งปีด้วยเมนู สลัดครีม ผลไม้ปอเปี๊ยะทอด : สลัดครีมที่รวมรวมเอาแอปเปิ้ลกับมะม่วงหันฝอยเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวของมะม่วง และหวานกรอบของแอปเปิ้ล เป็นส่วนผสมที่ลงตัว พร้อมมีเนื้อกุ้งและไข่กุ้งไว้บนท๊อปปิ้งของสลัดครีมด้วยค่ะ เสิร์ฟลงบนแผ่นป่อเปี๊ยะทอดกรอบทาด้วยไข่แดงหอมกรุ่น


Happy New Year 2011  ต้อนรับปีใหม่ด้วนเมนู  ไก่ทอดราดซอสครีมเห็ด (Deep fried chicken with mushroom sauce) ไก่ทอดหอมกรุ่นทอดออกมากรอบๆราดด้วยครีมซอสซึ่งทำมาจากเห็ดแชมปิยอง เคียงกับโคสลอว์ รับรองอร่อยค่ะ สำหรับปีนี้ทางร้านได้เพิ่มธัญพืชในไลน์สลัดบาร์ให้ท่านได้เลือกรับประทานได้หลากหลาย



Mango Mini Pafe  มีส่วนผสมของมะม่วงเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงสดหรือซอสมะม่วง เรามาดูส่วนประกอบของไอศรีมกันดีกว่าค่ะ ด้านล่างสุดจะเป็นข้าวเหนียวมูลสูตรพิเศษหอมและนุ่มมากค่ะ ตามมาด้วยมะม่วงสุกหอมหวานหั่นลูกเต๋า ตามมาด้วยไอศครีมรสต่างๆ ท๊อปปิ้งด้วยวิปครีม ปิดท้ายด้านบนสุดด้วยมะม่วงหั่นสี่เหลี่ยมและซอสมะม่วงสูตรเด็ด ไม่หวานมากออกรสเปรี้ยวๆนิดๆหอมหวานค่ะ



" มินิพาเฟ่ต์ " (Mini Pafe) ไอศครีมหลากรสท๊อปปิ้งด้วยวิปครีม ช็อคโกแลตสีหวาน และผลไม้สด ไม่ว่าจะเป็น สตอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ล กล้วยหอม ตรงกลางราดด้วยช็อคโกแลต ส่วนด้านล่างเป็นบราวน์นี่ราดด้วยครีมสด

 

แล้วเมนูสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการมารับประทานอาหานที่เมมโมไรซ์ คือ บราวน์นี่ช็อคโกแล็ตราดนม...ถือเป็นของว่างยอดฮิตของร้านอร่อยมากไคมาทานเป็นต้องสั่งเลยค่ะ :)

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

คาดผมอย่างไร ให้เด่นกว่าคนอื่น !!



ตอนนี้แอคเซสเซอรี่ประดับผมที่มาแรงที่สุด ก็คือ ที่คาดผม อันเล็กอันใหญ่มีมาให้เลือกประดับ เลือกถูก มิกซ์แอนด์แมชท์เก๋ไก๋ ก็ทำให้ดูเป็นสาวเจาเสน่ห์ มีสไตล์ขึ้นมาทันที แต่ถ้าเลือกผิด ก็หมสทิธิ์แจ้งเกิดได้เหมือนกัน
ที่คาดผม เดิมทีเป็นเทรนด์ที่มาพร้อมๆ กับการแต่งกายของสาว โบฮีเมียน สาวที่ชื่นชอบการแต่งกายสไตล์รกรุงรัง คือ ไม่พิถีพิถันในเรื่องการแต่งกายมากนัก ชอบใส่เสื้อผ้าแบบเนื้อบางเบา และชอบใส่เครื่องประดับต่างๆ เช่น แหวน สร้อยข้อมือข้อเท้า ลูกปัดร้อยเป็นเส้นๆ และที่คาดผม เพื่อเสริมลุคให้ดูเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ซึ่งสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งกายสไตล์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่รักอิสระไม่ชอบอยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ด้วยความไม่หยุดนิ่งของโลกแฟชั่น พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า แฟชั่นเดิมๆ ก็หวนกลับมาให้ได้รับความนิยมอีกครา ดังนั้น จึงทำให้การแต่งกายของสาว โบโฮ โดยเฉพาะที่คาดผม กลับมาฮิตในยุคสมัยนี้อีกครั้ง



คาดตามความยาวผม จะคาดให้สวย ดูกันสักหน่อยว่า ผมคุณยาวแค่ไหน เพราะความยาวของผมจะช่วยให้ที่คาดผมสามารถดึงจุดเด่น ให้ดูสวยได้


ผมสั้น เลือกที่คาดผมแบบเส้นหนาหรือเลือกที่เป็นผ้ายางยืด สีสันสดใส คาดกับผมสั้นๆยุ่ง ๆ


ผมยาวปานกลาง คนที่ทรงผมเป็นบ๊อบ จะเหมาะกับการคาดผมมาก แต่ต้องเลือกแบบแปลก ๆ ออกแนววินเทจหน่อย ที่คาดผมจะขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ จะให้เก๋ทรงผมต้องไปด้วยกัน ควรทำผมให้มีมูฟเมนต์ เป็นลอนนิด ๆ จะดูเป็นสาวหวานไม่รูตัว


ผมยาว จะให้เก๋ ต้องคาดสไตล์ยุค 70 คือคาดเส้นเล็ก ๆ หลาย ๆ เส้น หรือใช้ที่คาดผมแบบสายเปีย หรือมีดอกไม้ประดับก็ได้



3 วิธีคาดผมให้เก๋
1.ขมวดปมแบบยุ่ง ๆ ฉีดสเปรย์ ไดร์ผม รวบผมมาข้างหลังแล้วขมวดเป็นเกลียว
2.หางม้าเรียบหรู ทรงนี้ต้องเก็บผมให้เรียบ โดยใช้ที่หนีบผมรีบผมให้เรียบให้ยุ่งเหยิง ใช้เซรั่มหรือใส่กลอส แล้วหวีรวบเป็นหางม้าเพื่อให้ผมดูเงางาม
3.ปล่อยผมยาวสยาย ใส่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มวอลุ่มให้กัผม แลวใชนิ้วสางจนผมแห้ง สุ่มเลือกผมเป็นช่อ ใช้คีมหนีบแล้วม้วนลอน แล้วใช้นิ้วสาง หรือย้อนโคนนิดหนึ่ง


เคล็ดลับคาดผมให้สวย  ลองทำดูนะคะไม่อยากเลย 
-ไม่ต้องไดร์ผม เพื่อให้เข้ากับสไตล์เรโทรที่กำลังอินในตอนนี้ ไม่ต้องจัดแต่งอะไรมาก ให้ดูเซอร์ ๆ เข้าไว้ ก็เก๋ ๆ แล้ว ถ้าคุณไดร์ จะเหมาะกับยุค 80 มากกว่า
-คาดให้ถูกจุด ตำแหน่งของที่คาดผมจะกำหนดลุคของคุณ ถ้าคาดกลางศีรษะ จะดูเรียบร้อยไปหน่อย ดังนั้นคาดชิดริมหน้าผากหรือถ้าอยากได้ลุคแบบสาวกรีก ก็คาดผมบาง ๆ กลางหนาผาก ก็น่ารักไม่น้อยเลย
-ประดิษฐ์ประดอยสักหน่อย ลองประดิษฐ์เองสักอัน เอาแบบที่คุณชอบและเหมาะกับตัวเอง จะติดโบหรือติดเพชร ติดขนนก หรือใช้ผั้นคอ มันพันรอบศีรษะ ก็เก๋ดีเหมือนกัน ที่สำคัญมีอันเดียวในโลกออกแบบด้วยฝีมือคุณเอง น่าภูมิใจไม่น้อยเลย



คาดผมหลากสไตล์ 
สำหรับรูปแบบนั้นก็มีหลากหลาย เป็นแบบมีโบอยู่ข้างๆ หรือตรงกลาง โดยมีลักษณะเหมือนมีริบบิ้นมาพันเป็นโบ ซึ่งรูปแบบนี้ถือว่าสำเร็จรูปมากที่สุด ต่อมาเป็นแบบหินสีๆ หรือเพชรพลอย ประดับคริสตัลให้แวววาว และแบบริบบิ้นที่ใช้ผ้าลูกไม้ต่างๆ ที่มีลักษณะยาวหน่อย ซึ่งส่วนใหญ่นำมาโพกศีรษะและปล่อยทิ้งชายผ้าให้ยาวลงมา
นอกจากนี้ ยังมี เชือกคาด หรือ อันดา เพราะมีลักษณะเป็นเส้นๆ เหมือนสาวชาวเกาะใส่กัน ซึ่งมีทั้งแบบเกลียวถัก หรือเปียหลากสี ซึ่งหลายคนจะนำมาคาดที่บริเวณตรงกลางหน้าผาก หรือเพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมาอีกนิดโดยการนำมาคาดที่บริเวณตีนผมเหนือหน้าผากก็ได้รับความสนใจจากแฟชั่นนิสต้าไม่น้อย



ฮิต ฮอตกันจริงๆคะ..สำหรับที่คาดผมในวินาทีนี้ ดิฉันไปเดินตามแหล่งช็อปปิ้งไม่ว่าจะแถวไหนก็ตาม ในเชียงใหม่ร้านกิ๊ปช็อป หรือ Accessories ที่ทุกร้านต้องมีวางจำหน่ายขาดไม่ได้เลยก็เหนจะเป็นที่คาดผมเนี่ยแหละคะ ไม่ว่าจะเปนแนวไหนทุกร้านก็มีหมด และที่สำคัญไม่ว่าจะหันไปทางไหนมีแต่คนนิยมใส่กันดูแล้วมันก็สวยน่ารักดีคะ เหมาะกับชุดเกือบทุกแบบ อย่าลืมลองไปหาใส่กันดูนะคะ ! 

หมวกแบบไหน?ช่วยปกป้องคุณจากแสงแดด



หมวกฟาง 
หมวกฟางนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มของผู้ที่เป็นชาวสวน และกลุ่มผู้ที่ทำงานตามชายทะเล เพราะว่าหมวกชนิดนี้ผลิตจากวัสดุที่ค่อนข้างเบา และช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับพื้นที่ที่ค่อนข้างร้อน เว้นแต่จะมีหมวกที่ทอด้วยผ้าและมีความละเอียด รวมถึงมีผ้าบุหรือซับภายในหมวกด้วย แต่คุณจะไม่ได้รับการปกป้องจากแสงแดดจากหมวกฟางนี้ เพราะวัสดุที่ใช้ประกอบหมวกทำจากฟางข้าว ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้เกิดความเย็นเวลาที่สวมมัน แต่มันจะถูกทอขึ้นแบบหยาบๆ จึงไม่ละเอียดมากนัก...ทั้งนี้ จากคำอธิบายของ นายโรบิน เอสคินอฟ ผู้บริหารและหัวหน้าสมาคมแพทย์ผิวหนังและการศัลยกรรมด้วยแสงเลเซอร์ จากศูนย์การแพทย์ในมหาวิทยาลัย Hackensack ในรัฐนิวเจอร์ซีย์


หมวกเบสบอล
มันจะดีที่สุดหากคุณสามารถสวมหมวกที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป มากกว่าการสวมหมวกที่สำหรับใช้ลงเล่นกีฬาในสนามเท่านั้น ดร.เอสคินนอฟไม่แนะนำให้สวมหมวกเบสบอล เพราะว่ามันไม่สามารถปกป้องไปถึงบริเวณหูและลำคอด้านหลังได้ แต่มันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ในแง่ของการปกป้องแสงแดด หมวกเบสบอลที่มีลักษณะแหลม จะช่วยปกป้องบริเวณหนังศีรษะและส่วนบนของจมูก ถ้าคุณไม่ต้องการทาครีมกันแดดร่วมกับการสวมหมวก ดังนั้นตัวเลขของผู้ที่นั่งในร่มก็จะเป็นครึ่งหนึ่งของสนาม แต่ถ้าคุณต้องการสวมหมวกเบสบอลเพื่อเอาใจมัน คุณจะรู้สึกมั่นใจได้นิดหน่อยว่ามันสามารถปกป้องหน้าผากคุณได้


หมวกบานพับ
คุณอาจจะคิดว่าหมวกชนิดนี้เป็นหมวกเบสบอล เพราะมันสามารถพับต่ำลงไปยังบริเวณข้างๆ ใบหน้าของคุณได้ แต่มันจะดีมากในการปกป้องบริเวณหู แก้ม และคอของคุณ แม้ว่าบางชนิดจะเป็นอุปกรณ์กีฬา ขณะเดียวกันคุณสามารถพับมันลงได้ทั้งสองข้าง โดยให้บานพับหรือปีกหมวกนั้นอยู่เหนือบริเวณจมูกของคุณ เพื่อให้มันป้องกันแสงแดดทั่วใบบริเวณหน้า รวมถึงตาของคุณด้วย และการพับปีกหมวกลงมานั้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้คุณดูทันสมัย แต่มันแสดงให้เห็นถึงลักษณะของการสวมหมวกชนิดนี้ แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกล่าวว่า หมวกชนิดนี้ดีที่สุดในบรรดาหมวกที่ใช้ในการปกป้องแสงแดด ดังนั้นจึงควรมองหาหมวกประเภทนี้ และหมวกประเภทชนิดอื่นๆ ที่ทอด้วยผ้าและมีความละเอียดก็จะสามารถช่วยป้องกันแสงแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 30 ได้ และปกป้องแสงแดดที่เหนือกว่านี้ได้

หมวกถัง
หมวกถังนี้จะมีประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดด เช่นเดียวกับหมวกบานพับแต่ประสิทธิภาพจะน้อยกว่าเล็กน้อย และรูปแบบของหมวกชนิดนี้จะได้รับความนิยมในกลุ่มของนักตกปลาหรือคนหาปลา แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีแดดจ้ามากๆ ควรทาครีมกันแดดให้หนาๆ โดยเฉพาะผู้ที่ลงไปอยู่ว่ายน้ำ เพื่อป้องกันแสงแดดที่สะท้อนไปสู่ผิวเมื่อคุณอยู่ในน้ำ



หมวกคาวบอย 
อาชีพทำฟาร์มกำลังกลับมาได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง และไม่ว่าคุณคิดที่จะเข้าไปลงทุนทำปศุสัตว์จริงๆ หรือเพียงแค่สวมหมวกคาวบอยที่มีน้ำหนักถึง 10 แกลลอนเพื่อความสนุก หรือเพียงคิดว่าเป็นความสนุกในช่วงหนึ่งที่ต้องการป้องกันตนเองจากแสงแดด แต่นั่นไม่ใช่การป้องกันแสงแดดอย่างเต็มที่ เพราะหมวกคาวบอยนั้นจะช่วยปกป้องเพียงบริเวณใบหู หน้าฝาก และคอเท่านั้น จากบันทึกของ ดร.เอสคินนอฟ





หมวกลูกนก
หมวกสไตล์ลูกนกได้ถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1920 และกำลังกลับมาได้รับความนิยม แต่มันไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ มันช่วยได้เพียงแค่ปกป้องบริเวณหนังศีรษะเท่านั้น พร้อมกันนี้ ดร.เอสคินนอฟ กล่าวว่า ควรเก็บหมวกชนิดนี้ไว้สำหรับใส่ในตอนกลางคืนหรือใส่อยู่ในเมืองเท่านั้น แต่ควรหันกลับมาเลือกใช้หมวกที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ และดูเหมือนว่าหมวกที่มีปีกกว้างจะเป็นหมวกคู่ใจที่สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน



หมวกปีกกว้าง
หมวกปีกกว้างนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นที่หนึ่งของบรรดาหมวกป้องกันแสงแดด และจากหมวกที่มีปีกรอบด้านนั้น ช่วยให้คุณสามารถสวมใส่มันได้เป็นประจำทุกวัน และการที่คุณสวมหมวกชนิดนี้ จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันหากคุณสวมหมวกที่มีปีก 4 นิ้วนี้อยู่เป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสอดคล้องกับการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งได้ออกมาเผยว่า คุณจำเป็นต้องพิจารณาบางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะหมวกที่มีปีกอย่างน้อย 3 นิ้ว และจะดีที่สุดหากคุณสามารถหาหมวกปีกกว้างที่ผลิตขึ้นจากวัสดุที่ป้องกันแสงแดดด้วยค่าเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไป พร้อมกันนี้ ดร.เดวิส กล่าวเพิ่มเติมว่า เช่นเดียวกับบริษัทที่ผลิตตะเกียงหรือผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ที่ต้องคำนึงรวมถึงข้อควรระวังในการป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยเช่นกัน.




เลือกหมวกอย่างไร ให้เข้ากับใบหน้าและดูสวยเก๋ในทุกโอกาส???
รูปทรงของหมวกใบสวยมักเป็นที่ต้องตาสาวๆ ได้เสมอเมื่อแรกเห็น นอกจากจะกันแดดได้ ยังกลางเป็นแฟชั่นที่ซีซั่นนี้ต้องมีไว้ หมวกก็เหมือนกับเสื้อผ้า ถ้าจะให้ดูเหมาะกับใบหน้าก็ต้องลองสวมเคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการเลือกหมวกให้เข้ากับตัวเองก็คือ
สาวคนไหน หน้ากลม ควรใช้หมวกทรงสูงที่มีรูปทรงชัดเจนเพื่อทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น
สาวหน้ายาวอยู่แล้ว ควรใช้หมวกที่คลุมศีรษะให้เหลือเพียงปอยผม ด้านบนเป็นทรงปีกกว้าง
สาวที่หน้าเหลี่ยม ควรจะเลือกหมวกที่มีทรงกลมเพื่อเปลี่ยนความสนใจจากใบหน้าไปอยู่ที่หมวกแทน
สาวคนไหนหน้าเล็ก ควรจะสวมหมวกใบใหญ่ๆ หรือหมวกแบบเฮดเดรส (หมวกใบเล็กๆ แปะอยู่บนศีรษะ เพื่อดึงความสนใจให้หมวกดูเด่นยิ่งขึ้น

คลิป สุดยอดลีลาการสวมหมวกแบบเทพที่คุณเห็นแล้วต้องอึ้ง !!!


>> ไม่ว่าจะเปนหมวกแบบไหนก็จะมีรูปทนงที่สวยงามต่างกันออกไปนะคะ ..แต่ส่วนตัวดิฉันแล้วชอมสวมหมวกเบสบอลคะหรือที่เราเรียกกันว่า หมวกแก๊ป เพราะมันกะทัดรัดสวมง่ายเก็บง่ายดีค่ะ !!
แล้วคุณละ ??ชอบหมวกแบบไหนอย่าลืมลองไปหาสวมกันนะคะเพื่อความสวยงามและประโยชน์จากการสวมหมวกคะที่สำคัญควรเลือกให้เหมาะกับตัวเองนะคะ...


ไขปัญหาความเชื่อผิดๆ เรื่องหวัดและไข้หวัดใหญ่


          ความเชื่อเกี่ยวกับหวัดและไข้หวัดใหญ่มีอยู่มากมาย เช่น เชื่อว่าวิตามินซีช่วยป้องกันหวัดได้ หรือเชื่อว่าถ้าคุณแข็งแรงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ความจริงก็คือความเชื่อเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป เราจึงต้องไขปริศนากันในวันนี้
ความเชื่อผิด ๆ 1 : ไข้หวัดใหญ่ก็คือหวัดธรรมดาฉบับอัพเกรด
          ไม่จริงเลย หวัดธรรมดาสามารถเกิดจากเชื้อหลากหลาย เช่น Rhinovirus ที่เป็นสาเหตุของหวัด 30-35% ในผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามชนิด (Influenza Virus) คือมีทั้งประเภท A, B และ C และมีอาการต่างกันด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่จะไม่รู้สึกคัดจมูก ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ มีไข้สูงมาก คลื่นเหียน รู้สึกหนาวสั่น อ่อนเพลีย และอาจมีระยะเวลาป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา
ความเชื่อผิด ๆ 2 : ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่เป็นอันตราย
          เมื่อปีก่อนเราตื่นตัวกันมากกับเชื้อไข้หวัดหมู จนหลายคนลืมนึกถึงไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน ซึ่งคุณอาจมีอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ได้ แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติในระยะเวลาอันสั้น แต่ถ้านับเฉพาะสหรัฐฯ ที่เดียว ทุกปีจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง 200,000 ราย และจากจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 36,000 ราย นี่พอ ๆ กับจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม และมากกว่าผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ถึงสองเท่าเชียวนะ!

ความเชื่อผิด ๆ 3 : ถ้าฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วปีหน้าไม่ต้องฉีดก็ได้
          นี่เป็นความเข้าใจผิด เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ต่างจากวัคซีนชนิดอื่น ที่ให้ระยะเวลาการคุ้มครองจากเชื้อโรคนานเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มีแนวโน้มระบาดจะเปลี่ยนไปทุกปี นักวิจัยจึงต้องพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ขึ้นมาสู้ทุกปีเช่นกัน ฉะนั้น เราจึงควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีนั่นเอง

ความเชื่อผิด ๆ 4 : ถ้าเราเป็นหวัดแล้ว ในปีนั้น เราจะไม่เป็นอีก
          บางคนคิดว่าพอเป็นหวัดแล้วคุณจะไม่เป็นอีกในปีนั้น และไม่ยอมไปฉีดวัคซีน แต่การติดเชื้อหวัดหรือไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักจะมีทั้ง Type A และ B ที่ระบาดในหนึ่งฤดูกาล จึงเป็นไปได้ที่คุณจะเป็นไข้หวัดใหญ่อีกครั้ง และเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ความเชื่อผิด ๆ 5 : หากเราเป็นหวัดนานแล้ว ไม่หายสักที เราอาจเป็นไซนัสอักเสบก็ได้
          คนส่วนใหญ่มักจะหายจากหวัดภายใน 10 วัน แม้อาจจะมีอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ หรือมีน้ำมูกไหลอยู่ หากคุณไม่หายจากหวัดสักที อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเป็นไซนัสอักเสบ ลองสังเกตดูว่ามีอาการไข้ย้อนรึเปล่า ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกว่าหายเป็นปกติแล้ว แต่กลับไข้ขึ้นอีกครั้งและมีอาการหนักกว่าเดิม นี่อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและคุณอาจต้องการยาปฏิชีวนะก็ได้
 
ความเชื่อผิด ๆ 6 : วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัดได้ มีความเชื่อว่าการกินวิตามินซีจะช่วยป้องกันหวัดได้ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในปี 2007 Cochrane Library เปิดเผยการศึกษาซึ่งชี้ว่า การกินวิตามินซีเสริมวันละ 200 มิลลิกรัม ไม่มีผลต่อความรุนแรงหรือระยะเวลาการเกิดไข้หวัด แต่อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นคนที่เจอกับความเครียดมากกว่าปกติ เช่น เป็นนักวิ่งมาราธอน เป็นทหารหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ๆ การกินวิตามินซีเสริมทุกวันอาจช่วยลดโอกาสเกิดไข้หวัดได้ถึงครึ่ง

          สำหรับคนที่ต้องการกินวิตามินซีเสริม ปริมาณที่แนะนำคือ 90 มิลลิกรัม ต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 75 มิลลิกรัม ต่อวันสำหรับผู้หญิงหากเกินกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะทำให้คุณเสี่ยงต่อนิ่วในไต ท้องร่วง และคลื่นเหียนได้




Expert's comer

1.จริงหรือเปล่าที่ว่าตากฝนแล้วจะเป็นหวัด?
ความเชื่อนี้คงไม่จริง 100% แต่ถ้าถามว่าตากฝนแล้วอาจเป็นหวัดได้มั้ย? เราพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหวัดจากการเดินลุยฝนหลังตกใหม่ ๆ ที่ชะเชื้อโรคลงมาแล้วก็อาจจะมาโดนตัวเรา ผ่านเข้ามาทางลมหายใจ หรือแม้แต่น้ำฝนที่มีเชื้อโรคมาถูกเสื้อหรือเส้นผม แล้วเราไม่ได้อาบน้ำเลย เชื้อก็จะอยู่บนตัวเราค่อนข้างนาน และสามารถเข้าไปในร่างกายได้

2.ถ้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้วจะไม่เป็นหวัดเลย
อันนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ตามชื่อคือมันไม่ได้ป้องกันไข้หวัดธรรมดา และถึงจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็ป้องกันได้ 80-90% แต่ตอนนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกคนฉีดวัคซีน เพราะคนแข็งแรงก็มีโอกาสติดเชื้อโรคได้ แต่ว่าคนที่ควรจะมาฉีดหรือบังคับให้มาฉีดก็คือเด็ก ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือคนที่กินยาบางประเภท เช่น ยาจำพวกแอสไพริน เพราะว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจทำให้เขามีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

3.ในปัจจุบันเรายังไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด
ขึ้นอยู่กับว่าเชื้อหวัดนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส สมมติว่าเป็นอย่างหลัง ส่วนใหญ่ก็จะใช้ยารักษาตามอาการหรือการพักผ่อน คือจะไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเน้นไปที่การพักผ่อน นอนหลับ ดื่มน้ำ กินอาหารทีดีและมีประโยชน์ แต่ถ้าเชื้อนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และคนไข้มีอาการเจ็บคอ ไอเยอะ มีเสมหะสีเขียว เราก็อาจให้ยาปฏิชีวนะเสริมเข้าไป  ไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียจะมีลักษณะคล้ายกัน 80-90% ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และเชื้อพวกนี้สามารถทำให้เป็นไข้และเจ็บคอได้เหมือนกัน แต่เราอาจเห็นอาการบางอย่าง เช่น น้ำมูกเขียว เสมหะเขียว จากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

4.หน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันหวัดได้
ไม่สามารถป้องกันได้ 100% อาจจะป้องกันได้ระดับหนึ่งคือ 30-40% เพราะมันคาดที่จมูกและครอบปากเราไว้แต่ไม่ได้ปิดทั้งหมด เวลาที่เราไอหรือจามมันก็จะลอดผ่านช่องที่จมูกหรือคาง ถ้าเค้าไอ จาม หรือน้ำลายหรือเสมหะกระเด็นไปโดนโต๊ะ แล้วเราเอามือไปจับแล้วไปแคะขี้มูก จับตา เชื้อก็จะสามารถเข้ามาในร่างกายเราได้

5.เราต้องดื่มน้ำอุ่น และไม่ดื่มน้ำเย็นเวลาเป็นหวัด
จริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด จะดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น อะไรก็ตามที่เป็นของเหลว ๆ เนี่ยดื่มได้ เพียงแต่ว่าถ้าเราดื่มน้ำอุ่น เราจะรู้สึกสบายคอกว่า ถ้าเรามีเสมหะ เสมหะก็จะนิ่มกว่า ขับออกมาได้ง่าย จริง ๆ แล้วคนไข้อาจจะอยากดื่มน้ำเย็นก็ได้ แต่ขอให้ดื่มในปริมาณเยอะ ๆ เพราะว่าการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะทำให้เสมหะในลำคอนิ่มขึ้นภาวะน้ำไหลในร่างกายเยอะขึ้น เราจึงรู้สึกสดชื่นขึ้น และอุณหภูมิในร่างกายเราก็จะลดลงด้วย

6.ถ้าไม่กินยาปฏิชีวนะแล้วจะไม่หาย
 คนไข้ชอบขอยาปฏิชีวนะกินเลย แต่อย่างที่หมอบอกไปแล้ว 80-90% ของไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ แต่คนไข้ส่วนใหญ่จะแปลกใจถ้าหมอไม่จ่ายยาฆ่าเชื้อ หรือมีความเชื่อว่าถ้าหมอไม่จ่ายยาฆ่าเชื้อให้แล้วจะไม่หาย ทั้งที่ความจริงก็คือการใช้ยาฆ่าเชื้อเกินความจำเป็นจะทำให้เชื้อโรคดื้อยา